พุยพุย

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม 2559 เวลา 13.30-17.30 น.
ความรู้ที่ได้รับ
          จากการทำ Mind Mapping ของการบันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 1 ทำให้ได้ข้อสรุป ความหมายของวิทยาศาสตร์ ตามความเข้าใจของกลุ่มเรียน 102 ดังนี้
          วิทยาศาสตร์ หมายถึง การศึกษา สืบค้นข้อมูลความจริง ซึ่งเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว หรือธรรมชาติรอบตัว โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การทดลอง การสำรวจ เป็นต้น
  • โลก ดาราศาสตร์ สิ่งต่าง ๆ รอบตัว จัดเป็นเนื้อหา สาระ
  • สาระที่เด็กควรรู้ได้แก่ 
  1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก 
  2. เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก
  3. ธรรมชาติรอบตัว
  4. สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็ก
  • เนื้อหาในการจัดการเรียนรู้หรือจัดประสบการณ์ให้แก่เด็ก ควรเป็นเนื้อหาที่ใกล้ตัวเด็ก มีผลกระทบกับเด็ก และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น
  • กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ วิธีการและขั้นตอนที่ใช้ดำเนินการค้นคว้าหาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) วิธีการทางวิทยาศาสตร์ 2) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) จิตวิทยาศาสตร์ 
  • วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้
  1. การกำหนดปัญหา  ปัญหาเกิดจากการสังเกต โดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย ประกอบกับความช่างคิดช่างสงสัย สัมผัสโดยตรงกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูล และบันทึกข้อมูลที่ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการกำหนดปัญหาต้องมีความชัดเจนและสัมพันธ์กับความรู้ ซึ่งต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์
  2. การตั้งสมมมิตฐาน  การคิดหาคำตอบล่วงหน้า ก่อนจะกระทำการทดลองโดยอาศัยการสังเกต  ความรู้ และประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คำตอบที่คิดหาล่วงหน้านี้ยังไม่เป็นหลักการ สมมติฐานหรือคำตอบที่คิดไว้ล่วงหน้ามักกล่าวไว้เป็นข้อความที่บอกความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นกับตัวแปรตาม
  3. การตรวจสอบสมมติฐาน  การดำเนินการตรวจสอบสมมติฐาน โดยอาศัยการรวบรวมข้อมูลทั้งจากการสำรวจ การทดลอง หรือวิธีการอื่น ๆ ประกอบกัน
  4. การวิเคราะห์ข้อมูล  การนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกต ศึกษาค้นคว้า ทดลอง หรือการรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์ผล
  5. การสรุปผลการทดลอง  การสรุปผลการทดลอง เป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกิดจากการนำเอาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ผลและหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเพื่อนำมาอธิบาย และตรวจสอบดูว่าสมมติฐานที่ตั้งขึ้นถูกต้องหรือไม่
  • ทำไมต้องทดลอง ? = เมื่ออยากรู้ และเมื่อเกิดปัญหา เพื่อการนำไปใช้ต่าง ๆ
  • การกำหนดขอบข่ายปัญหา เช่น นำไก่สดมา ปัญหาคือ ทำอย่างไรจะได้กินไก่ หรือไก่นำไปทำอะไรได้บ้าง
  • การรวบรวมข้อมูล = มันเป็นอย่างไร การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 (การทดลอง)
  • แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์... จะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง (การเจริญเติบโต) การปรับตัว มีความแตกต่าง มีการพึ่งพาอาศัยกัน และความสมดุล
  • เครื่องมือในการเรียนรู้ = ภาษา และคณิตศาสตร์
  • เจตคติในการเป็นนักวิทยาศาสตร์
  1. อยากรู้อยากเห็น
  2. เพียรพยายาม
  3. ละเอียด รอบคอบ มีระเบียบ
  4. มีความซื่อสัตย์
  5. มีเหตุผล (เชื่อและยอมรับตามเหตุและผล)
  6. มีใจกว้าง 
  • ความสำคัญของวิทยาศาสตร์ ได้แก่ เป็นสิ่งที่ตอบสนองกับการดำรงชีวิต สำคัญต่อการสร้างเสริมประสบการณ์ 
  • ประโยชน์ ได้แก่ เกิดความสะดวกสบาย และทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง
  • การเลียนแบบ การอยากรู้อยากเห็น เป็นพฤติกรรมที่สะท้อนมาจากพัฒนาการ
  • การทำงานของสมอง จะสอดคล้องกับพัฒนาการ
  • การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 (0-2 ปี)
  • ยังพูดได้ไม่เป็นประโยค ไม่ใช้เหตุผล (2-4 ปี)
  • พูดเป็นประโยค ตอบตามที่ตาเห็น (4-6 ปี)
  • วิธีการเรียนรู้ของเด็ก ได้แก่ การลงมือกระทำ ด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีอิสระในการเล่น ทำด้วยตนเอง, การวางแผนของครู และเกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผน 
  • ทักษะทางวิทยาศาตร์ ได้แก่ ทักษะที่ 1 ทักษะการสังเกต (Observation) 
    ความหมาย : เป็นวิธีการหาข้อมูลโดยตรงจากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ การดู การดม การฟัง การชิม และการสัมผัส ทั้งนี้โดยไม่ใส่ความเห็นหรือประสบการณ์เดิมของผู้สังเกตลงไป
    ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตเป็น ข้อมูลเชิงประจักษ์ 

         ทักษะที่ 2 ทักษะการวัด (Measurement)
    ความหมาย : เป็นการเลือกและการใช้เครื่องมือ ทำการวัดหาปริมาณของสิ่งต่าง ๆ ออกมาเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้เหมาะสม และถูกต้อง โดยมีหน่วยกํากับเสมอ

        ทักษะที่ 3 ทักษะการจำแนกประเภท (Classification)
    ความหมาย : เป็นการจัดแบ่งหรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งของที่อยู่ในประสบการณ์ โดยมีเกณฑ์ซึ่งเกณฑ์นั้นอาจใช้ความเหมือนความแตกต่าง ความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

         ทักษะที่ 4 การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา (Spacs / Spacs Reation and Space /Time Relation) 
    ความหมาย : เป็นการจัดแบ่งหรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งของที่อยู่ในประสบการณ์ โดยมีเกณฑ์ซึ่งเกณฑ์นั้นอาจใช้ความเหมือน ความแตกต่างความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

        แกมมาออริซานอล Gamma Oryzanol มีคุณสมบัติดังนี้

         ทักษะที่ 5 การคำนวน (Using Number) 
    ความหมาย : เป็นการนับจำนวนของวัตถุและการนำตัวเลขแสดงจำนวนที่นับได้มาคิดคำนวน โดยการบวก ลบ คูณ หาร หรือหาค่าเฉลี่ย

         
    ทักษะที่ 6 การจัดทำและสื่อความหมายข้อมูล (Organizing Data and Communication) 
    ความหมาย : เป็นการนำข้อมูลที่ได้รับจากการสังเกต การวัด การทดลอง และจากแหล่งอื่นๆ มาจัดกระทำเสียใหม่ โดยการหาความถี่เรียงลำดับ จัดแยกประเภท หรือคำนวณหาค่าใหม่ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายของข้อมูลชุดนั้นดีขึ้น โดยการนำเสนอในรูปของตารางแผนภูมิ แผนภาพ ไดอะแกรม กราฟสมการ หรือการเขียนบรรยาย

         
    ทักษะที่ 7 การลงความคิดเห็นจากข้อมูล (Inferring) 
    ความหมาย : เป็นการเพิ่มความคิดเห็นให้กับข้อมูลที่ได้จากการสังเกตอย่างมีเหตุผลโดยอาศัยประสบการณ์เดิมมาช่วย

        
     ทักษะที่ 8 การพยากรณ์ (Prediction) 
    ความหมาย : เป็นการาดคะเนคำตอบล่วงหน้าก่อนทำการทดลอง โดยอาศัยประสบการณ์ที่เกิดซํ้า ๆ หลักการ กฏ หรือทฤษฎีที่มีอยู่แล้ว ในเรื่องนั้นมาช่วยในการสรุป เช่น การพยากรณ์ข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวเลข ได้แก่ ข้อมูลที่เป็นตาราง หรือ กราฟ ซึ่งทำได้ 2 แบบ คือ
    1. การพยากรณ์ภายในขอบเขตของข้อมูล
    2. การพยากรณ์ภายนอกขอบเขตของข้อมูล

         
    ทักษะที่ 9 การตั้งสมมติฐาน (Formulating Hypothesis)
    ความหมาย : เป็นการคิดหาคำตอบล่วงหน้าก่อนการทดลอง โดยอาศัยการสังเกตความรู้และประสบการณ์เดิมเป็นฐาน

         
    ทักษะที่ 10 การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ (Defining Operation)
    ความหมาย : เป็นการกําหนดความหมายและขอบเขตของคำต่าง ๆ ที่อยู่ในสมมติฐานที่ต้องการทดลองให้เกิดความเข้าใจตรงกันและสามารถสังเกตได้หรือวัดได้ โดยให้คำตอบเกี่ยวกับการทดลองและบอกวิธีวัด
    ตัวแปรที่เกี่ยวกับการทดลองนั้น

         
    ทักษะที่ 11 การกำหนดและควบคุมตัวแปร (Identifying and Controlling Variables) 
    ความหมาย : เป็นการบ่งชี้ตัวแปนต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรที่ต้องควบคุมในการตั้ง สมมติฐานหนึ่งๆ

         
    ทักษะที่ 12 การทดลอง (Experiment) 
    ความหมาย : เป็นกระบวนการปฏิบัติงานเพื่อหาคำตอบจากสมมติฐานที่ตั้งไว้ในการทดลอง ซี่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่
    1. การออกแบบการทดลอง
    2. การปฏิบัติการทดลอง
    3. การบันทึกผลการทดลอง

         
    ทักษะที่ 13 การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป (Interperting Data and Making) 
    ความหมาย : เป็นการแปลความหมายหรือบรรยายลักษณะข้อมูลที่มีอยู่ การตีความหมายของข้อมูล ในบางครั้งอาจต้องใช้ทักษะอื่น ๆ ด้วย เช่น การสังเกต การคำนวน เป็นต้น และการลงข้อสรุป หมายถึง การสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งหมด การลงข้อสรุป สามารถทำได้ 2 ระดับ คือ
    1. การสรุปในระดับแคบ คือ การสรุปให้อยู่เฉพาะกลุ่มตัวอย่างหรือสิ่งที่นำมาศึกษา
    2. การสรุปในระดับกว้าง คือ การสรุปที่ออกนอกขอบเขตของกลุ่มตัวอย่างแต่เป็นการขยายกว้างไปสู่ประชากรหรือกลุ่มใหญ่ ข้อสรุปนี้มีความเชื่อถือได้น้อยกว่าแบบแรก 

คำศัพท์
The process = กระบวนการ
Importance = ความสำคัญ
Benefit = ประโยชน์
People and Places = บุคคลและสถานที่
Curious = อยากรู้อยากเห็น

การประยุกต์ใช้
  • เมื่อรู้วิธีการเรียนรู้ของเด็กแล้ว สามารถทำให้ความรู้และแนวคิดในการจัดประสบการณ์ต่าง ๆ ให้กับเด็กปฐมวัยได้อย่างเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก
  • การที่เรามีความรู้ ทักษะต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น ก็จะทำให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมให้เด็กอย่างหลากหลาย ตอบสนองความต้องการและการเรียนรู้ของเด็ก เช่น การจัดกิจกรรม 1 เรื่อง แต่สามารถบูรณาการได้หลาย ๆ ทักษะ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กมีประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น
การประเมินผล
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน และตั้งใจทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจารย์มอบหมาย มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาวิทยาศาสตร์มากขึ้น
ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ ตั้งใจเรียน และให้คำปรึกษาต่าง ๆ ซึ่งกันและกัน เมื่อสงสัย ไม่เข้าใจเนื้อหาต่าง ๆ มีแนวคิดที่หลากหลาย มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์ตรงต่อเวลา และสอนเข้าใจ เปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น แล้วค่อยยกตัวอย่าง อธิบายเพิ่มเติม






บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 1

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม 2559 เวลา 13.30-16.50 น.

ความรู้ที่ได้รับ
          วันนี้ เป็นวันแรกที่เริ่มการเรียนการสอนในรายวิชาการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย (Science Experiences Management for Early Childhood) รหัสวิชา EAED 3207 กลุ่มเรียน 102 วันอังคาร อาจารย์ได้แจกและอธิบายแนวการสอน (Course Syllabus) ซึ่งมีการแจกแจงรายละเอียดในการเรียนการสอนไว้อย่างชัดเจน เช่น แต่ละสัปดาห์จะเรียนเกี่ยวกับเรื่องใด งานที่ได้รับมอบหมาย เกณฑ์การให้คะแนนต่าง ๆ เป็นต้น

          คำอธิบายรายวิชา มีดังนี้                       
          ศึกษาความหมาย ความสำคัญ แนวคิด ทฤษฎี และหลักการทางวิทยาศาสตร์เด็กปฐมวัยกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ แนวคิดและทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา การประยุกต์ใช้แนวคิดและทฤษฎีในการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รูปแบบการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย กรอบมาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย การออกแบบและวางแผนกิจกรรมบูรณาการประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย การผลิตสื่อวิทยาศาสตร์ระดับปฐมวัย การใช้คำถามพัฒนาการคิด การใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ บทบาทของครูและผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์

          ผลลัพธ์การเรียนรู้ แบ่งเป็น 6 ด้าน ดังนี้
  1. คุณธรรมจริยธรรม (Ethics)
  2. ความรู้ (knowledge)
  3. ทักษะทางปัญญา (Intellectual skills)
  4. ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (Interpersonal skills and responsibility)
  5. ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Numerical analysis skills Communications and information technology)
  6. การจัดการเรียนรู้ (Learning Management)
          จากนั้นก็เป็นการพูดคุย ตกลงกันเรื่องชุดที่จะใส่มาเรียน สรุปว่า อาจารย์อนุญาตให้ใส่ชุดพละมาเรียนได้ อาจารย์ใจดีมาก ๆ และยอมรับฟังการเสนอข้อคิดเห็นของนักศึกษา จากนั้นก็พูดเรื่อง การทำแฟ้มสะสมผลงานใน www.blogspot.com หรือ E-Portfolio เพื่อเป็นการบันทึกความรู้หลังเรียนและผลงานต่าง ๆ ที่ได้จากการเรียน และการหาประสบการณ์นอกห้องเรียน

          องค์ประกอบของบล็อก ได้แก่ คำอธิบายบล็อก นาฬิกา ปฏิทิน การนับจำนวนการเข้าชมบล็อก รูปโปรไฟล์ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ทำบล็อก บล็อกของอาจารย์ ลิงก์เว็บไซต์ของสาขาวิชา คณะ และมหาวิทยาลัย รวมทั้งหน่วยงานที่สนับสนุนวิชานี้ เช่น บทความ งานวิจัย สื่อ เพลง นิทาน เกม แบบฝึกหัด ของเล่น เป็นต้น โดยส่วนประกอบเหล่านี้จะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการตั้งหัวข้อ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเข้ามามีส่วนในการเรียน


          การบันทึกบล็อกนั้น ต้องมีหัวข้อดังนี้
  • ความรู้ที่ได้รับ
  • การประยุกต์ใช้ (ระบุว่าสามารถนำไปประยุกต์ในส่วนใด อย่างชัดเจน)
  • การประเมินผล (ตนเอง เพื่อน อาจารย์ รวมถึงบรรยากาศในการเรียน)
* การบันทึกบล็อกแต่ละครั้ง ให้บันทึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างน้อย 5 คำ


          กิจกรรมต่อมา อาจารย์แจกกระดาษ A4 คนละ 1 แผ่น แล้วให้ทุกคนเขียนแผนผังความคิด หรือ Mind Mapping ตามความเข้าใจของแต่ละคน เกี่ยวกับรายวิชาการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาตร์สำหรับเด็กปฐมวัย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 คำ ที่สำคัญ ได้แก่
การจัดประสบการณ์ : กิจกรรมการเรียนรู้ ทำโครงการ การออกไปสำรวจนอกห้องเรียน นิทาน เพลง เกมการศึกษา
วิทยาศาสตร์ : ดาราศาสตร์ ธรรมชาติรอบตัว การทดลอง ทรัพยากรธรรมชาติ การสำรวจ ระบบนิเวศน์ การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต การสังเกต
เด็กปฐมวัย : เด็กตั้งแต่แรกเกิด-6 ปี* (*5 ปี 11 เดือน 29 วัน) พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา

คำศัพท์
Concept = แนวคิด
Recording = การบันทึก
Exercise = แบบฝึกหัด
Standard framework = กรอบมาตรฐาน
Support = สนับสนุน


การประยุกต์ใช้

  • สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทำบล็อกหรือแฟ้มสะสมงานวิชาอื่น ๆ ได้ หรืออาจจะนำไปใช้ประโยชน์ในการเก็บความรู้ เก็บภาพ วิดีโอความทรงจำต่าง ๆ เพราะเมื่อใช้งานบ่อยขึ้นก็จะทำให้เกิดทักษะที่ดีขึ้น
  • การเขียนความคิดรวบยอด จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียนได้เป็นอย่างดี เพื่อใช้ในการสรุปใจความสำคัญ รวมทั้งการฝึกทักษะให้เราเป็นคนที่วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเป็น
  • การทำบล็อกโดยใช้ภาษาอังกฤษด้วย จะทำให้เรารู้คำศัพท์มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลในการนำคำศัพท์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือการเรียน การทำงานในอนาคตได้

การประเมินผล
ประเมินตนเอง  :  เข้าเรียนตรงเวลา และตั้งใจเรียน มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่างอาจารย์และเพื่อน ๆ มีความเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอน
ประเมินเพื่อน  :  เพื่อน ๆ ตั้งใจเรียน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วยกันออกความคิดเห็น มีส่วนร่วมในการแสดงออกทางความคิดกันทุกคน
ประเมินอาจารย์  :  อาจารย์ตรงต่อเวลาในการสอน และใจดีมาก อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น โดยตั้งข้อปัญหาแล้วให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น หลังจากนั้นอาจารย์ก็จะอธิบายให้ฟังเพิ่มเติม มีการยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้น