ความรู้ที่ได้รับ
- อาจารย์อธิบายแนวการสอนเพิ่มเติม ซึ่งจะประเมินทั้งหมด 6 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
- คุณธรรมจริยธรรม
- ความรู้
- ทักษะทางปัญญา
- ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ
- ทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
- การจัดการเรียนรู้
- อาจารย์ให้คัดลายมือ ก-ฮ ตามรอยปะ ซึ่งเป็นการคัดพยัญชนะไทยแบบหัวกลมตัวเหลี่ยม
- จากนั้นอาจารย์ก็ให้กระดาษ A4 สีขาวและสีฟ้า กับคลิปหนีบกระดาษ 1 อัน กำหนดให้ทำสื่ออย่างไรก็ได้ โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่อาจารย์ให้มา ซึ่งให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับ " อากาศ "
- งานนี้ อาจารย์ให้ทำเป็นกลุ่ม อันดับแรก สมาชิกในกลุ่มก็ปรึกษา ระดมความคิดกันว่า จะทำอะไรดี ? แล้วจะให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องอากาศได้อย่างไร ?
สมาชิกในกลุ่มช่วยกันแสดงความคิดเห็น ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไป
และเพิ่มเติมแนวคิดให้มีความหลากหลายมากขึ้น
กลุ่มเราทำเรื่อง " ฤดูฝน "
กลุ่มเราใช้สื่อจากนิทาน ซึ่งจะเป็นการเล่าเรื่องวัฏจักรของฝน
เมื่อออกไปนำเสนอหน้าชั้นเรียน อาจารย์ได้ให้คำแนะนำว่า
เนื้อหาที่นำเสนอยังไม่ตรงประเด็นที่เกี่ยวกับ "อากาศ" เท่าที่ควร
ต้องหาสื่อหรือกิจกรรมในรูปแบบอื่น ๆ ด้วย
- มาชมภาพการนำเสนอของกลุ่มเพื่อน ๆ กันค่ะ
กลุ่มนี้ทำเป็น " วงล้อ 4 ฤดูกาล "
กลุ่มนี้ทำเป็น " พัด "
กลุ่มนี้ทำเป็น " เรือใบ "
กลุ่มนี้ทำการทดลอง " ปล่อยกระดาษกับคลิปลงพื้น "
กระดาษมีพื้นที่เยอะ ทำให้อากาศพยุงไว้ จึงตกช้ากว่าคลิป
กลุ่มนี้ทำ " กังหันลม "
เป็นทิศทางของลม
- ซึ่งแต่ละกลุ่มนั้น อาจารย์ได้ให้คำแนะนำในส่วนที่ยังไม่ถูกต้องไม่ตรงประเด็น เพื่อให้นักศึกษาได้เกิดความรู้และแนวคิดใหม่ ๆ
- " อากาศมีตัวตน มีการเคลื่อนที่ ต้องการที่อยู่ เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถมองเห็นได้ "
- การทำงานของสมอง = การรับ/ซึมซับ (ประสาทสัมผัสทั้ง 5) จากนั้นก็นำไปปรับโครงสร้างเป็นความรู้ใหม่
จากนั้น อาจารย์ก็มอบหมาย ให้ทำของเล่นที่ส่งเสริมประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
" พัดป๋องแป๋ง "
วัสดุอุปกรณ์ในการทำ
1. จานกระดาษ
2. สีไม้ สีเมจิก
3. เทปใส
4. ไม้ไอศกรีม
5. กาวลาเทกซ์
6. กระดาษสีต่าง ๆ
7. กระดาษรูปต่าง ๆ
ไว้ใช้ในการตกแต่ง
8. เชือก (เส้นละประมาณ 26 เซนติเมตร)
9. ฝาขวดน้ำ (เจาะรูตรงกลาง)
วิธีการทำ
1. นำกระดาษสีอะไรก็ได้
มาติดตกแต่งจานกระดาษ
2. นำกระดาษที่ตัดเป็นรูปต่าง ๆ
มาตกแต่งให้สวยงาม ตามจินตนาการ
3. ติดไม้ไอศกรีมด้วยกาวลาเทกซ์
และติดเทปใสเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อป้องกันการหลุดออกจากจานกระดาษ
4. นำที่เจาะกระดาษมาเจาะจานกระดาษ
(ครูสามารถเจาะไว้ให้เด็กก่อนได้) เพื่อให้เป็นรูทั้งสองข้าง โดยรูทั้งสองนั้นต้องขนานกัน
5. นำฝาขวดน้ำที่เจาะรูแล้ว
มาสอดเข้ากับเชือก และสอดเชือกเข้าไปในรูทั้งสองข้างของจานกระดาษ
6. เมื่อสอดเชือกและฝาขวดน้ำทั้งสองข้าง
ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สามารถเป็นพัดได้ และเป็นของเล่นป๋องแป๋งได้เช่นกัน
วิธีเล่น
สามารถใช้เป็นพัด และเล่นป๋องแป๋งได้ โดยการหมุนไปมาให้ฝาขวดน้ำกระทบกับจานกระดาษ
ซึ่งจะทำให้เกิดเสียง
เสียงเกิดขึ้นได้อย่างไร
?
เสียง เป็นคลื่นกลที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ (ฝาขวดน้ำกระทบกับจานกระดาษ)
เมื่อวัตถุเกิดการสั่นสะเทือน จะทำให้เกิดการอัดตัว และขยายตัวของคลื่นเสียง
และถูกส่งผ่านตัวกลางที่เป็นสสารอยู่ในสถานะ ก๊าซ ของเหลว ของแข็ง
(คลื่นเสียงจะไม่ผ่านสุญญากาศ) ไปยังหู ทำให้ได้ยิน
ทำไมพัดแล้วจึงเกิดลม
?
ลม คือ มวลของอากาศที่มีการเคลื่อนที่ไปตามแนวต่าง ๆ เมื่อมีวัตถุไปกระทบกับอากาศ
นั่นคือพัดจานกระดาษไปกระทบกับอากาศ ก็จะทำให้เกิดลม จะมีความแรงตามที่เราออกแรงพัด
โดยสามารถสัมผัสได้จากลมที่มากระทบผิวหนังของเราเอง
การบูรณาการ
วิทยาศาสตร์ เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวการเกิดลม
และการเกิดเสียง
ศิลปะ เด็กได้มีความคิดสร้างสรรค์
จากการตกแต่ง ระบายสีผลงาน
คณิตศาสตร์ เด็กได้เรียนรู้สีต่าง ๆ
และการคาดคะเนในการเลือกเชือกให้พอดีกับจาน รวมทั้งเรียนรู้เรื่องรูปทรงต่าง ๆ
พลศึกษา เด็กได้เคลื่อนไหว ได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก
ในการออกแรงพัด และหมุนป๋องแป๋งให้เกิดเสียง
คำศัพท์
Rainy season = ฤดูฝน
Paper plate = จานกระดาษ
Absorption = การซึบซับ
Wind turbine = กังหันลม
Tale = นิทาน
การประยุกต์ใช้
- สามารถนำแนวคิดของเพื่อนกลุ่มต่าง ๆ ที่มีลักษณะสื่อการสอนที่แตกต่างกันไปใช้ในการออกแบบสื่อที่หลากหลาย ซึ่งจะคำนึงถึงการเลือกเรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก และมีผลกระทบกับเด็ก
- การใช้วัสดุหลาย ๆ อย่าง จะทำให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเราก็จะต้องจัดการเรียนรู้ จัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของเด็ก และส่งเสริมให้เด็กมีประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น
- จะเห็นว่า วัสดุที่อาจารย์กำหนดให้ ไม่ได้มีความสิ้นเปลืองอะไร เราก็จะสามารถนำวัสดุเหลือใช้ หรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นสื่อการสอนได้แบบง่าย ๆ ถ้าหากโรงเรียนที่เราไปสอนไม่ค่อยอำนวยความสะดวกในส่วนนี้มากสักเท่าไร ถือเป็นการรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด
การประเมินผล
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน และตั้งใจทำกิจกรรมต่าง ๆ ตอนแรกยังไม่เข้าใจมากนักเกี่ยวกับรูปแบบการจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ เพื่อส่งเสริมประสบการณ์วิทยาศาสตร์ แต่เมื่ออาจารย์อธิบาย ยกตัวอย่างเพิ่มเติม และเห็นเพื่อน ๆ แต่ละกลุ่มออกมานำเสนองาน ก็ทำให้เข้าใจและได้แนวคิดใหม่ ๆ มากขึ้น
ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ ตั้งใจเรียน และช่วยเหลือกันในการทำงานกลุ่มเป็นอย่างดี แสดงความคิดเห็นที่แปลกใหม่ น่าสนใจ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์ใจดี และอธิบายยกตัวอย่างให้นักศึกษาเข้าใจมากยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น และปรึกษาได้เมื่อไม่เข้าใจ