พุยพุย

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2559 เวลา 13.30-16.50 น.


ความรู้ที่ได้รับ
          วันนี้ อาจารย์มอบหมายใบงานความรู้มา แล้วให้สรุปส่งอาจารย์ในชั่วโมงเรียน ซึ่งสรุปเนื้อหาคร่าว ๆ ได้ดังนี้...

          รูปแบบการเรียนรู้เด็กปฐมวัย
คุณลักษณะตามวัยของเด็กอายุ 3-5 ปี ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2546 มีดังนี้
เด็กอายุ 3 ปี
  • พัฒนาการด้านร่างกาย
  • วิ่งและหยุดโดยไม่ล้ม
  • รับลูกบอลด้วยมือและลำตัว
  • เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้
  • ใช้กรรไกรมือเดียวได้
  • วาดและระบายสีอิสระได้
  • พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ
  • แสดงอารมณ์ตามความรู้สึก
  • ชอบที่จะทำให้ผู้ใหญ่พอใจและได้คำติชม
  • กลัวการพลัดพรากจากผู้เลี้ยงดู ผู้ใกล้ชิดน้อยลง
  • พัฒนาการด้านสังคม
  • รับประทานอาหารได้ด้วยตนเอง
  • ชอบเล่นแบบคู่ขนาน (เล่นของเล่นชนิดเดียวกัน แต่ต่างคนต่างเล่น)
  • เล่นสมมติได้
  • รู้จักรอคอย
  • พัฒนาการด้านสติปัญญา
  • สำรวจสิ่งต่าง ๆ ที่เหมือนกันและต่างกันได้
  • บอกชื่อตนเองได้
  • ขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
  • สนทนาโต้ตอบ/เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้น ๆ ได้
  • สนใจนิทานและเรื่องราวต่าง ๆ
  • ร้องเพลง ท่องคำกลอน คำคล้องจองง่าย ๆ และแสดงท่าทางเลียนแบบได้
  • รู้จักใช้คำถาม “อะไร”
  • สร้างผลงานตามความคิดของตนเองอย่างง่าย ๆ
  • อยากรู้อยากเห็นทุกอย่างรอบตัว

เด็กอายุ 4 ปี
  • พัฒนาการด้านร่างกาย
  • กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้
  • รับลูกบอลได้ด้วยมือทั้งสอง
  • เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้
  • ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
  • กระฉับกระเฉงไม่ชอบอยู่เฉย
  • พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ
  • แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับบางสถานการณ์
  • เริ่มรู้จักชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น
  • ชอบท้าทายผู้ใหญ่
  • ต้องการให้มีคนฟัง คนสนใจ
  • พัฒนาการด้านสังคม
  • แต่งตัวได้ด้วยตนเอง ไปห้องส้วมเองได้
  • เล่นร่วมกับผู้อื่นได้ รอคอยตามลำดับก่อน-หลัง
  • แบ่งของให้คนอื่น
  • เก็บของเล่นเข้าที่ได้
  • พัฒนาการด้านสติปัญญา
  • จำแนกสิ่งต่าง ๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าได้
  • บอกชื่อและนามสกุลของตนเองได้
  • พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเอง หลังจากได้รับคำชี้แนะ
  • สนทนาโต้ตอบ/เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนื่อง
  • สร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
  • รู้จักใช้คำถาม “ทำไม”
เด็กอายุ 5 ปี
  • พัฒนาการด้านร่างกาย
  • กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้
  • รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ด้วยมือทั้งสอง
  • เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว
  • เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
  • ตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้งที่กำหนด
  • ใช้กล้ามเนื้อเล็กได้ดี เช่น ติดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ
  • ยืดตัว คล่องแคล่ว
  • พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ
  • แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม
  • ชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น
  • ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง
  • พัฒนาการด้านสังคม
  • ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง
  • เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
  • พบผู้ใหญ่ รู้จักไหว้ ทำความเคารพ
  • รู้จักขอบคุณ เมื่อรับของจากผู้ใหญ่
  • รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
  • พัฒนาการด้านสติปัญญา
  • บอกความแตกต่างของกลิ่น สี เสียง รส รูปร่าง จำแนกและจัดหมวดหมู่สิ่งของได้
  • บอกชื่อ นามสกุล และอายุของตนเองได้
  • พยายามหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
  • สนทนาโต้ตอบบอกเล่าเป็นเรื่องราวได้
  • สร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นและแปลกใหม่
  • รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร”
  • เริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม
  • นับสิ่งต่าง ๆ จำนวนมากกว่า 10 ได้
รูปภาพผลงาน







ธรรมชาติของเด็กปฐมวัย (อายุ 3-5 ปี)
  1. ชอบที่จะทำให้ผู้ใหญ่พอใจ
  2. ช่วยตนเองได้
  3. ชอบเล่นแบบคู่ขนาน
  4. พูดประโยคยาวขึ้น
  5. ร้องเพลงง่าย ๆ แสดงท่าทางเลียนแบบ
  6. ชอบถาม "ทำไม" ตลอดเวลา
  7. อยากรู้อยากเห็นทุกอย่างรอบตัว
  8. สนใจนิทานและเรื่องราวต่าง ๆ
  9. มีช่วงความสนใจสั้น (8-10 นาที)
  10. พอใจคนที่ตามใจ
ทฤษฎีการเรียนรู้
  • การทดลองของพาฟลอฟ : สุนัข (กำลังหิวจัด) เครื่องวัดน้ำลาย ผงเนื้อ และกระดิ่ง

  • การทดลองของวัตสัน : เด็กชายอัลเบิร์ต อายุ 11 เดือน หนูขาว และเหล็ก 
ภาพตัวอย่าง

  • การทดลองของเมรีโจน (การวางเงื่อนไขกลับ) : ปีเตอร์ อายุ 3 ขวบ กลัวหนูขาวเหมือนอัลเบิร์ต


  • ทฤษฎีความสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์ : ทฤษฎีลองผิดลองถูก การเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การทดลองของธอร์นไดค์


  • การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ Bloom (Bloom's Taxonomy) แบ่งการเรียนรู้เป็น 6 ระดับ
  1. ความรู้ที่เกิดจากความจำ (Knowledge) ซึ่งเป็นระดับล่างสุด
  2. ความเข้าใจ (Comprehend)
  3. การประยุกต์ (Application)
  4. การวิเคราะห์ (Analysis)
  5. การสังเคราะห์ (Synthesis) สามารถนำส่วนต่าง ๆ มาประกอบเป็นรูปแบบใหม่ได้ให้แตกต่างจากรูปเดิม เน้นโครงสร้างใหม่
  6. การประเมินค่า (Evaluation) วัดได้ และตัดสินได้ว่าอะไรถูกหรือผิด ประกอบการตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผลและเกณฑ์ที่แน่ชัด
  • การเรียนรู้ตามทฤษฎีของบรูเนอร์ (Bruner)
  1. ความรู้ถูกสร้างหรือหล่อหลอมโดยประสบการณ์
  2. ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบในการเรียน
  3. ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความหมายขึ้นมาจากแง่มุมต่าง ๆ
  4. ผู้เรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง
  5. ผู้เรียนเลือกเนื้อหาและกิจกรรมเอง
  6. เนื้อหาควรถูกสร้างในภาพรวม
  • การเรียนรู้ตามทฤษฎีของไทเลอร์ (Tylor)
  1. ความต่อเนื่อง หมายถึง ในวิชาทักษะ ต้องเปิดโอกาสให้มีการฝึกทักษะในกิจกรรมและประสบการณ์บ่อย ๆ และต่อเนื่องกัน
  2. การจัดช่วงลำดับ หมายถึง การจัดสิ่งที่มีความง่าย ไปสู่สิ่งที่มีความยาก ดังนั้น การจัดกิจกรรมและประสบการณ์ ให้มีการเรียงลำดับก่อนหลัง เพื่อให้ได้เรียนเนื้อหาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  3. บูรณาการ หมายถึง การจัดประสบการณ์จึงควรเป็นในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียน ได้เพิ่มพูนความคิดเห็นและได้แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกัน เนื้อหาที่เรียนเป็นการเพิ่มความสามารถทั้งหมด ของผู้เรียนที่จะได้ใช้ประสบการณ์ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน ประสบการณ์การเรียนรู้ จึงเป็นแบบแผนของปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสถานการณ์
หลักการ/แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
  • แนวคิดของกีเซล (Gesell)
  1. พัฒนาการของเด็กเป็นไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอน เด็กควรพัฒนาไปตามธรรมชาติไม่ควรเร่งหรือบังคับ
  2. การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหว การใช้ภาษา การปรับตัวเข้ากับสังคมกับบุคคลรอบข้าง
  • ฟรอยด์ (Freud)
  1. ประสบการณ์ในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หากเด็กไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเพียงพอ จะเกิดอาการชะงัก พฤติกรรมถดถอย คับข้องใจ ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก
  • อิริคสัน (Erikson)
  1. ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เด็กพอใจ ประสบผลสำเร็จ เด็กจะมองโลกในแง่ดี มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจผู้อื่น
  2. ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่พอใจ จะมองโลกในแง่ร้าย ขาดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่ไว้วางใจผู้อื่น
  • เพียเจท์ (Piaget)
  1. พัฒนาการทางด้านเชาว์ปัญญาของเด็กเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเด็ก มีการรับรู้จากสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และมีการปรับขยายประสบการณ์เดิม ความคิดและความเข้าใจให้ขยายมากขึ้น
  • ดิวอี้ (Dewey)
  1. เด็กเรียนรู้โดยการกระทำ
  • สกินเนอร์ (Skinner)
  1. ถ้าเด็กได้รับการชมเชย และประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรม เด็กสนใจที่จะทำต่อไป
  2. เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนใคร
  • เปสตาลอสซี่ (Pestalzzi)
  1. ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเด็ก ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
  2. เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งด้านความสนใจ ความต้องการ และระดับความสามารถในการเรียน
  3. เด็กไม่ควรถูกบังคับให้เรียนรู้ด้วยการท่องจำ
  • เฟรอเบล (Froeble)
  1. ควรส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กด้วยการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างเสรี
  2. การเล่นเป็นการทำงานและการเรียนรู้ของเด็ก
  • เอลคายน์ (Elkind)
  1. การเร่งเด็กให้เรียนรู้แต่เล็กเป็นอันตรายต่อเด็ก
  2. เด็กควรมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
สรุป หลักการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย 

" พัฒนาเด็กให้ครบทุกพัฒนาการ เน้นให้เด็กช่วยเหลือตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่น
อย่างมีความสุข กิจกรรมที่จัดต้องมีความสมดุล ยึดเด็กเป็นสำคัญ
และต้องประสานสัมพันธ์กับครอบครัวและชุมชน "

การเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง
  • เรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
  • พัฒนาทักษะ การสังเกต การเปรียบเทียบ การจำแนก การสรุปความคิดรวบยอด การแก้ปัญหา การคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ
  • กิจกรรมโครงการ กิจกรรมประจำวัน การเล่น กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการศึกษานอกสถานที่ กิจวัตรประจำวัน ฯลฯ


คำศัพท์
Development = การพัฒนา
Community Development = พัฒนาการด้านสังคม
Learning Theory = ทฤษฎีการเรียนรู้
Continuation = ความต่อเนื่อง
Balance = ความสมดุล

การประยุกต์ใช้
  • ครูสร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนการสอน อันเป็นการวางเงื่อนไขที่ดี
  • ครูวางตัวให้ผู้เรียนเกิดความศรัทธา เพื่อผู้เรียนจะได้รักวิชาที่ครูสอนด้วย
  • ครูจัดบทเรียนให้น่าสนใจและเกิดความสนุกสนาน ได้ทั้งความรู้ และความสนุกสนาน
  • ก่อนที่จะดำเนินการสอน ครูจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมและกระตุ้นผู้เรียนให้พร้อมที่จะเรียนเสียก่อน
  • มอบหมายงาน แบบฝึกหัด หรือการบ้านให้เด็กได้ฝึกหัดกระทำเพื่อให้บรรลุตามหลักสูตรที่ว่าให้คิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น
  • ใช้หลักการให้รางวัลและลงโทษ เพื่อให้รู้ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"
  • นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมให้กับเด็ก ให้เหมาะสมกับวิธีการเรียนรู้และพัฒนาการแต่ละช่วงวัย

การประเมินผล

ประเมินตนเอง : ตั้งใจทำงานที่อาจารย์มอบหมาย ซึ่งสามารถทำได้เสร็จทันกำหนดส่ง มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ตนเองสรุปได้พอสมควร
ประเมินเพื่อน : เพื่อนตั้งใจทำงาน และช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาซึ่งกันและกัน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์มีความรับผิดชอบมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาสอน แต่ก็มอบหมายงานมาให้นักศึกษาได้ทำ ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น